การตรวจ Pap, หรือที่เรียกว่าแปปสเมียร์, เป็นการตรวจคัดกรองที่ง่ายและไม่เจ็บปวด โดยสามารถตรวจหาเซลล์ผิดปกติในปากมดลูกได้. ปากมดลูกคือส่วนล่างของมดลูกที่เชื่อมต่อกับช่องคลอด. การทดสอบนี้ตั้งชื่อตามดร. จอร์จ ปาปานิโคลาอู, ผู้พัฒนาการทดสอบในปี 1940.
เหตุใดการตรวจ Pap test จึงมีความสำคัญ?
การตรวจ Pap test มีความสำคัญเนื่องจากสามารถตรวจพบเซลล์ผิดปกติในปากมดลูกได้ก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง. มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับสี่ในผู้หญิงทั่วโลก, แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจ Pap test เป็นประจำ. ในความเป็นจริง, สมาคมโรคมะเร็งอเมริกันประมาณการว่าการตรวจ Pap test เป็นประจำสามารถป้องกันได้ถึง 80% ของกรณีมะเร็งปากมดลูก.
ใครควรได้รับการตรวจ Pap test?
วิทยาลัยสูตินรีแพทย์และนรีแพทย์แห่งอเมริกาแนะนำว่าผู้หญิงควรเริ่มรับการตรวจแปปเมื่ออายุมากขึ้น 21, หรือภายในสามปีหลังจากมีเพศสัมพันธ์, ขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดจะเกิดขึ้นก่อน. ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 21 และ 29 ควรได้รับการตรวจ Pap test ทุกสามปี. อายุของ 30 และ 65 ควรได้รับการตรวจ Pap test ทุกสามปี, หรือการตรวจ Pap test และ HPV ร่วมกันทุกๆ ห้าปี.
ผู้หญิงที่เคยผ่าตัดมดลูกออก (การกำจัดมดลูกและปากมดลูก) ด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากมะเร็ง ไม่จำเป็นต้องตรวจ Pap test เว้นแต่จะมีประวัติการตรวจ Pap test ผิดปกติหรือเป็นมะเร็งปากมดลูก.
การตรวจ Pap test ทำอย่างไร?
การตรวจ Pap test จะทำในระหว่างการตรวจอุ้งเชิงกราน, ซึ่งเป็นการตรวจร่างกายของอวัยวะสืบพันธุ์. แพทย์หรือพยาบาลจะสอดเครื่องถ่างเข้าไปในช่องคลอดเพื่อให้เปิดออก จากนั้นจึงใช้ แปรงปากมดลูก หรือไม้พายเพื่อรวบรวมเซลล์จากปากมดลูก. จากนั้นเซลล์จะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์.
การตรวจ Pap test เจ็บหรือไม่??
ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ในระหว่างการตรวจ Pap test, แต่ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกไม่สบายหรือกดดัน. หากคุณกังวลเรื่องความไม่สบายตัว, พูดคุยกับแพทย์หรือพยาบาลก่อนการทดสอบ.
ผลลัพธ์ของการตรวจ Pap test หมายความว่าอย่างไร?
ผลลัพธ์ของการตรวจ Pap test อาจเป็นได้ทั้งแบบปกติหรือผิดปกติ. ผลลัพธ์ปกติหมายความว่าไม่พบเซลล์ผิดปกติในปากมดลูก. ผลลัพธ์ที่ผิดปกติหมายความว่าเซลล์บางส่วนในปากมดลูกไม่ปกติ. อย่างไรก็ตาม, ผลลัพธ์ที่ผิดปกติไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นมะเร็งเสมอไป. อาจหมายความว่าคุณติดเชื้อหรืออักเสบที่ต้องได้รับการรักษา.
หากผลออกมาไม่ปกติ, แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้ทำการทดสอบหรือการรักษาเพิ่มเติม, เช่น คอลโปสโคป (ขั้นตอนการตรวจปากมดลูกให้ละเอียดยิ่งขึ้น) หรือการตรวจชิ้นเนื้อ (ขั้นตอนการนำเนื้อเยื่อชิ้นเล็กๆ ออกเพื่อตรวจ).
สรุปแล้ว, การตรวจแปปเป็นการตรวจคัดกรองที่ง่ายและสำคัญซึ่งสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้. ผู้หญิงควรเริ่มรับการตรวจ Pap test เมื่ออายุมากขึ้น 21 และให้ต่อเนื่องตามอายุและปัจจัยเสี่ยง. หากคุณมีคำถามหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการตรวจแปป, พูดคุยกับแพทย์หรือพยาบาลของคุณ.